ต้องเข้าใจก่อนว่าโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์แบบเดิมจะใช้หลัก Economic of scale และ Standardization คือผลิตจำนวนมากที่สุด เหมือนกันมากที่สุด เพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำที่สุด สังเกตุได้ว่าเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในแต่ละล๊อตจะหน้าตาเหมือนกันทุกระเบียดนิ้ว แต่ระบบการผลิตเฟอร์นิเจอร์แบบ 4.0 จะออกแบบโดยใช้หลัก Mass Customization โดยยึดคำว่า Personalized และ Customized ซึ่งหน้าที่ของโรงงานคือแก้ปัญาหาความท้าทาย 3 ปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องกัน คือ Production cycles / Error rates และ Production costs ซึ่งทุกเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งตัดจะต้องบาลานซ์ทั้ง3ปัจจัยนี้ให้สมดุลจะได้เฟอร์นิเจอร์ที่ดีที่สุดในราคาที่คุ้มค่าที่สุด ซึ่งวิธีคิดจะแตกต่างจากระบบเดิมอย่างสิ้นเชิง 

ยกตัวอย่างเช่น การตัดไม้ ในระบบเดิม หากมีเศษไม้เกิดขึ้นโรงงานจะตัดไม้ให้มีขนาดตามมาตรฐานที่ใช้บ่อย เก็บไว้ในสต๊อก เมื่อมีคำสั่งซื้อจะเอาขนาดตามนั้นมาตัดให้เล็กลง ซึ่งจะมีเศษไม้เป็นของเสียมาก แต่ถ้าในระบบ 4.0 เราจะผลิตสินค้าเป็น Batch production ในแต่ละรอบ ไม้ชนิดเดียวกันจะถูกคำนวนให้ตัดพร้อมกันโดยเครื่อง CNC โปรแกรมจะคำนวนโดยทำทุกวิถีทางให้เสียไม้น้อยที่สุด หากมีเศษไม้เหลือก็จะนำมาคำนวณใหม่ในทุกๆรอบ โดยจะไม่มีวันผิดพลาดและเหลือเศษไม้น้อยที่สุด

ระบบสต๊อก ในระบบเดิมจะเป็นการผลิตจำนวนมาก สต๊อกไว้ในโกดังสินค้า ทำให้เกิดปัญหาสต๊อกบวม ทำให้มีต้นทุนมากขึ้น แต่แบบ 4.0 จะเป็นการผลิตแบบ Made to order ทุกคำสั่งซื้อที่เข้ามาจะถูกคำนวนให้ผลิตพร้อมกันในแต่ละรอบแบบ Just In Time โดยที่สินค้าสำเร็จจะอยู่ในโกดังสินค้าไม่เกิน 1 อาทิตย์ ทำให้ต้นทุนน้อยลง

ถึงต้นทุนการผลิตจะน้อยลง แต่เราลงทุนในการทำ R&D เฟอร์นิเจอร์ของเราให้ดียิ่งขึ้นตลอด ทั้งในด้านดีไซน์ ความแข็งแรง การประกอบที่ดีขึ้น เป็นต้นทุนให้สถาปนิกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ทำให้ได้สินค้าที่ออกแบบสวยงาม และฟังก์ชั้นใช้สอยดียิ่งขึ้นไปอีก